การจัดงานโครงการหลวงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงโคเปนเฮเกน
april 2007
เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมมายุครบ 80 พรรษา
ในปี 2550 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน
ร่วมกับสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป
สำนักงานการท่องเที่ยว ณ กรุงสตอกโฮล์ม สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ กรุงโคเปนเฮเกน และสำนักงานการบินไทย ณ กรุงโคเปนเฮเกน
จะจัดงานโครงการหลวงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 12
มิถุนายน 2550 ณ
Bygningskulturens Hus
ตั้งอยู่ที่
Borgergade 111 DK-1300
กรุงโคเปนเฮเกน ระหว่างเวลา 13.30-19.00 น.
การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่พระราชกรณียกิจของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับโครงการหลวง อาทิ
ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรโครงการหลวง (สินค้าดอยคำ)
แหล่งท่องเที่ยวที่งดงามของโครงการหลวง
นอกจากนี้ จะมีการจัดนิทรรศการแสดงพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับงานโครงการหลวง
แสดงผลสำเร็จของโครงการหลวงในการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนฝิ่น
การฉายวีดีโอและวีดีทัศน์ พร้อมทั้ง
จะมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าดอยคำจากโครงการหลวงและสินค้าจากโครงการศิลปาชีพหลากหลายประเภท
อาทิ ผลิตภัณฑ์แปรรูป ดอกไม้แห้งและงานหัตถกรรมของชาวเขา
สินค้าหัตถกรรมประเภทอื่น ๆ ของไทย การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มของไทย
การสาธิตการร้อยดอกไม้สด และการแกะสลักผัก
ผลไม้ไทยรวมไปถึงการแสดงนาฏศิลป์ไทยด้วย
จึงขอเชิญชวนคนไทยในเดนมาร์กเข้าร่วมงานโครงการหลวงเฉลิมพระเกียรติฯ
ในวันและเวลาข้างต้น
ไม่เก็บค่าผ่านประตู
19 มีนาคม 2550
ต้นไม้ของพ่อ
สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงโคเปนเฮเกน
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2549 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน
โดยออท.ชัยสิริ อนะมานและคณะข้าราชการสอท. ได้ร่วมกันจัดโครงการปลูกต้นราชพฤกษ์ที่
Greenhouseในสวนพฤกษศาสตร์เมือง
Aarhus
และเมื่อวันที่
19 มิถุนายน 2549 ปลูกที่สวนพฤกษศาสตร์ กรุง
Copenhagen
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในวโรกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ
60
ปี ในปี
2549
ก่อนที่จะเล่าถึง โครงการปลูกต้นราชพฤกษ์ของสถานเอกอัครราชทูตฯ
น่าจะมาทำความรู้จักกับต้นราชพฤกษ์ซึ่งเป็นไม้มงคลประจำชาติไทยว่ามีความสำคัญอย่างไร
ต้นคูณหรือราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลประจำชาติไทย มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า
Cassia fistula (Yellow Shower, Indian
Laburnum)
หรือชื่อในภาษาเดนิชว่า
Guldregn-kassia
หรือแปลตรงตัวได้ว่า ฝนทอง ไม้นี้เวลาออกดอก จะเป็นพวงระย้า สีเหลืองสด
เป็นสีแห่งพระพุทธศาสนา และสีเหลืองนี้เป็นสีประจำวันจันทร์
ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล
อดุลยเดช พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี ด้วยเหตุนี้เอง
ราชพฤกษ์จึงได้รับเลือกให้เป็นไม้ประจำชาติไทย
และเป็นชื่อของงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549
การนำไม้เมืองร้อนเพื่อปลูกให้เจริญงอกงามในเมืองหนาวเป็นสิ่งที่ไม่ง่าย
หากสถานเอกอัครราชทูตฯไม่ได้รับความร่วมมือจากบรรดาคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย
Aarhus
และ
Copenhagen
ต้นราชพฤกษ์นี้เดินทางไกลมากว่า 5,000
ไมล์จากประเทศไทยมายังประเทศเดนมาร์กเพื่อจะมาเติบโตและได้รับการทะนุบำรุงให้งอกงามที่นี่โดยจะเป็นสัญญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ
ในโอกาสพิเศษนี้ เป็นที่น่าประทับใจว่าทั้งคนไทยและคนเดนมาร์กต่างมาร่วมงานกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
เพิ่มอุณหภูมิความอุ่นของ
green house
ให้อุ่นขึ้นไปอีก หลายคนรู้สึกเหมือนอยู่หน้าร้อนในเมืองไทย
มีความยินดีและปลาบปลื้มใจไปทั่วกัน
หลายคนชี้ชวนกันดูต้นไม้นานาพันธ์จากเมืองร้อนและเมืองไทย
ซึ่งต้องขอบอกว่าต้นไม้เหล่านี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากบรรดาเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ระดับคณาจารย์และคนสวน
ใบสีเขียวเสียดยอดต้นไม้หลายต้นอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์ บางต้น ก็ออกดอก
ออกผลให้คนปลูกและคนมาเยือนได้ชื่นชม
ก็ใครจะไปนึกว่าหน้าหนาวที่เดนมาร์กอันยาวนาน จะมีสวนพฤกษศาสตร์อุ่น ๆ
ปกป้องต้นไม้หน้าร้อนเต็มสวนนี้ไว้ ขนาดที่ว่า เรามี หัวปลีจากต้นกล้วย
ดอกกล้วยไม้ มาวางเคียงประดับโต๊ะอาหารเลี้ยงแขก
ราวกับว่าสวนนี้เป็นเมืองร้อนเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่ง
แถวไหนสักแห่งในเมืองไทย ขัดกับอากาศเย็นภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ต้องขอแจกแจงให้ทราบว่า
พิธีปลูกต้นไม้ที่
Arhus
ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายเดนมาร์ก อย่างดียิ่ง
อาจารย์ที่มีส่วนในการช่วยให้โครงการนี้ลุล่วงไปด้วยดี คือ ศาสตราจารย์
Henrik Balslev
หัวหน้าภาควิชา
systematic botany
ศาสตราจารย์ Kai
Larsen
และดร. Anders S.
Barford
จากมหาวิทยาลัย Arhus
รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของสวนพฤกษ์ศาสตร์
คนสวนและผู้มีส่วนร่วมในงานนี้ทุกท่าน
เพราะได้ดูแลต้นไม้ซึ่งหอบหิ้วกันมาจากเมืองไทย ให้มีใบเขียวสด
ไว้ได้อย่างดี
เมือง Arhus
เป็นเมืองที่มีคนไทยอาศัยอยู่มาก และเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสองของเดนมาร์ก
จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าไฉนจึงมีคนไทยมาร่วมงานกันมาก
ดูได้จากรูปถ่ายที่นำลงให้ดู ในระหว่างพิธีปลูก
เสียงกล้องจึงระรัวเพื่อเก็บภาพครั้งนี้ไว้
ว่าสวนพฤกษศาสตร์ของเดนมาร์กจะต้องดูแลต้นไม้เมืองร้อนของเมืองไทยอีกหนึ่งต้นไว้ให้คนจากรุ่นสู่รุ่นได้มาเยี่ยมชม
เช่นเดียวกัน ในกรุงโคเปนเฮเกน พิธีปลูกต้นไม้ได้มีขึ้นเมื่อวันที่ 19
มิถุนายน 2549 โดยมีศาสตราจารย์ ดร.Ole
Hamann
ผู้อำนวยการสวนพฤกษศาตร์ของโคเปนเฮเกน และผู้ช่วยศาสตราจารย์
Jette Dahl Moller
แห่งสวนพฤกษศาสตร์ของโคเปนเฮเกน ช่วยจัดงานร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตฯ
ให้พิธีปลูกต้นไม้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และราบรื่น
นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า
พิธีปลูกต้นไม้ในสวนพฤกษศาสตร์นำพาความสามัคคีมาจากชาวไทยในต่างแดน
ที่ต่างพากันมาแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสสำคัญนี้
เกือบทุกคนที่มาร่วมงานใส่เสื้อสีเหลืองสดมีตราสัญญลักษณ์สิริราชสมบัติครบรอบ
60 ปี และต่างช่วยกันถือธงเหลืองมีตราสัญญลักษณ์สิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
ทำให้สีเหลืองสดดูสว่างในห้องต้นไม้สีเขียวในทันที
พวกเราจากสถานเอกอัครราชทูตฯ หวังใจเป็นยิ่งนักว่า
ต้นไม้นี้จะโตขึ้นพร้อม ๆ กับกาลเวลาที่ผ่านไป
และจะออกดอกให้ได้ดูแทนคำอธิบายว่าสีเหลืองพวงระย้าของฝนทองนี้สวยเช่นไร
ถึงวันนั้น
หลายคนคงจำได้ว่าเราได้ร่วมกันเป็นพยานในการปลูกต้นไม้นี้ร่วมกัน
เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เราเทิดทูน
เป็นต้นไม้ของพ่อหลวง
ที่จะเติบโตขึ้นในต่างแดนอย่างมั่นคงและแข็งแรงสืบไป
รูปภาพ........
|